สำหรับคอบอลทุกๆท่าน ที่ในวันนี้อาจจะมีบรรดานักเตะซุปเปอร์สตาร์ตัวใหม่ๆ วนเวียนเข้ามาทำผลงานให้ตื่นเต้นตื่นตาตื่นใจ ไม่ว่าจะเป็นฟอร์มการเล่นอันดุดัน ของเออร์ลิ่ง เบราต์ฮาแลนด์ขอ งแมนซิตี้ ดาวิน นูนเญซ ของลิเวอร์พูลที่ถึงแม้ว่าในเวลานี้อาจจะยังทำผลงานได้ไม่เข้าตา แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเวลาอาจจะช่วยให้นักเตะหนุ่มทำผลงานได้ดีในอนาคต แต่สำหรับแฟนบอลที่เป็นแฟนรุ่นเก่า อาจจะเป็นแฟนบอลวัยกลางคน หรือเคยผ่านการชมเกมในช่วงเวลาที่ 2 Superstar เบอร์ 1 ของโลกที่ขับเคี่ยวแย่งความยิ่งใหญ่กันอย่าง Leonel Messi และ Ronaldo และในขณะนี้ทั้งคู่ก็อาจจะเข้าสู่ ช่วงเวลาสุดท้าย ที่จะขาแข้งแล้ว เมื่อโรนัลโดมีอายุ 37 ปีส่วน Messi ก็ 35 เข้าไปแล้ว ดังนั้นช่วงเวลาที่เหลือคือการเก็บเกี่ยวเกียรติประวัติส่วนตัวให้ได้มากที่สุด แต่ในเวลานี้ดาวยิงร่างเล็กชาวอาร์เจนไตน์ ก็เริ่มจะทำผลงานได้ดีกว่าโรนัลโด้แบบทิ้งห่างไม่เห็นฝุ่น

ช่วงเวลาสุดท้าย ของโด้และเมสซี่
ข่าวกีฬาล่าสุด ช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่ของนักเตะเบอร์ 1 ของโลก ที่เคยค้าแข้งในลีกสูงสุดลาลีกาสเปน ทีมที่ดีที่สุดทั้ง 2 ทีมอย่างเร็วมาดริด และบาร์เซโลนาตากมี superstar ที่แก่งแย่งทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ แต่งานเลี้ยงก็ต้องมีวันเลิกราเพราะด้วยเหตุผลต่างๆของทั้งคู่ ก็ต้องจำใจจากทีมรักเพื่อไปหาความท้าทายใหม่ โรนัลโด้เลือกที่จะกลับมาซบอกกับทีม แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ทีมที่เคยปลุกปั้นเขาขึ้นมาในช่วงเวลาหนุ่ม ส่วนเมสซี่ที่ต้องจากลาบาซ่าทั้งน้ำตา ย้ายไปค้าแข้งกับทีมยักษ์ใหญ่ฝรั่งเศสอย่างปารีสแซงต์แชร์กแมง ช่วงเวลาสุดท้าย ที่หลายฝ่ายอาจจะมองว่าคงเป็นช่วงเวลาขาลงของทั้งคู่ และหลังจากนี้ ก็คงทำได้แค่เพียงประคองตัวจนใกล้ถึงเวลาแขวนสตั๊ด แต่ทั้งหมดก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด

ช่วงเวลาสุดท้ายของบุคคลที่เรียกได้ว่าเป็นนักฟุตบอลที่ดีที่สุดในโลก จะมีความแตกต่างกันไปในเรื่องของเส้นทาง แต่หากจะพูดถึงส่วนของฟอร์มการเล่น Messi ก็ดูดีมีภาษีกว่า ที่ในช่วงแรกนั้นอาจจะต้องการเวลาปรับตัวและเขาใช้เวลาถึง 1 ปีกับทีมปารีส จนเข้าสู่ฤดูกาลใหม่เมสซี่ ก็เริ่มทำผลงานได้อย่างที่เคยทำบนแผ่นดินสเปน แตกต่างจากโรนัลโด้ที่ฟอร์มยังลุ่มๆดอนๆซ้ำยังมีปัญหากับโค้ชใหม่ของแมนยู ภาพการเดินออกจากสนาม มีปัญหากับโค้ช และมีทีท่าไม่พอใจเมื่อไม่ได้ลงแข่งขันอาจจะเป็นภาพที่ชินตาสำหรับผู้คน ทำให้ในเวลานี้หลายฝ่ายคงคิดกันไปว่าสิ้นสุดฤดูกาลคงจะต้องมีการแยกทางกันเกิดขึ้นแน่นอน
ช่วงเวลาสุดท้ายของนักเตะทั้งสองคนจะเป็นอย่างไร ฟุตบอลโลกปีนี้ที่ใกล้จะมาถึงอาจจะเป็นเครื่องพิสูจน์ และหากใครทำผลงานได้ดีกว่าสิ่งต่างๆในวันเวลาที่ผ่านมา อาจจะถูกลืมเลือนและถูกยกให้เป็นเบอร์ 1 ของโลกแค้นฝั่งตรงข้ามได้อย่างไม่มีปัญหาแน่นอน
Related Posts
- เดอร์ริค ไวท์ ฟอร์มแจ่มพา เซลติกส์ เปิดบ้านเชือด ไมอามี่ ซีซันใหม่
- เดรย์ม่อนด์ กรีน ฟอร์เวิร์ด วอร์ริเออร์ส ข้อเท้าซ้ายแพลง พักยาว 6 สัปดาห์
- ทอม เบรดี้ ตำนาน NFL ลงขันร่วมเป็นเจ้าของทีม เบอร์มิงแฮม ในศึก
- ดิลล่อน บรู้กส์ ยกตัวเองเป็น “วายร้าย” ในสายตาคู่แข่งทุกทีมใน NBA
- กัคโป ทีมยักษ์ใหญ่ยุโรปรุมแย่งตัว อาจถึงเวลาต้องไปทีมใหม่ในไม่ช้านี้